วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

ประวัติเอสเธอร์


                          เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา
     


ชื่อเกิด เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา
ชื่อเล่น เอสเธอร์, เอส
เกิด 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2537(21 ปี)
ปีที่แสดง พ.ศ. 2554 - ปัจจุบัน
ผลงานเด่น บัวสวรรค์ / พัชนี - บ่วง (2555)
                    หม่อมหลวงวิไลรัมภา เทวพรหม - คุณชายรณพีร์ (2556)
                    แพรรตี / แพทตี้ - มาดาดัน(2556)
                    พัทธรินทร์ / เคท - เล่ห์รตี(2558)
                    สุชาดา สุทธากุล - เจ้าสาวของอานนท์ (2558)
ส่วนเกี่ยวข้อง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2557)

ประวัติ
        เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา (เอสเธอร์, เอส) เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 เป็นนักแสดงหญิงลูกครึ่งไทย-มาเลเซีย นับถือศาสนาคริสต์โดยคุณพ่อเป็นคนไทย คุณแม่เป็นคนมาเลเซีย เอสเธอร์มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยเอสเธอร์เป็นบุตรสาวคนโต คนกลางผู้ชายชื่อ ทิมมี่ คนเล็กผู้หญิงชื่อ เอบิเกล ชื่อจริงของเอสเธอร์นั้น แปลว่า ดาว ในภาษาฮิบรู จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์ ปัจจุบันศึกษาอยู่ปี 4 คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
       ด้านงานในวงการบันเทิง เอสเธอร์เริ่มเข้าวงการตั้งแต่อายุ 12 ปี ส่วนมากถ่ายแบบให้กับนิตยสารวัยรุ่น และโฆษณาต่าง ๆ และอายุ 15 ก็ได้เข้าประกวด MISS CAWAII 2009 หมายเลข 39 จนอายุ 17 ปี ได้มารับบท ผู้ใหญ่ทับทิม ในละครซิทคอมเรื่อง หลวงตามหาชน และเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะนักแสดงหญิงหน้าใหม่ จากผลงานละครเรื่อง บ่วง (คู่กับ ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เอสเธอร์มีผลงานละครอย่างต่อเนื่องจนละครเรื่องที่ 3 ในชีวิตของเธอคือ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรณพีร์ เธอรับบทร้ายครั้งแรกกับตัวละครที่มีชื่อว่า ม.ล. วิไลรัมภา เทวพรหม คู่หมายของ ม.ร.ว. รณพีร์ จุฑาเทพ (รับบทโดย เจมส์ มาร์) ทำให้ได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยม
      ปัจจุบัน เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ได้เป็นผันตัวมาเป็นนักแสดงอิสระและมีผลงานเรื่องเล่ห์รตี คู่กับ ฌอห์ณ จินดาโชติ และได้ผลตอบรับกระแสคู่จิ้นเป็นอย่างดี  

การศึกษา
อนุบาล โรงเรียนรังสฤษฏ์วิทยา และย้ายมาโรงเรียนประสานมิตร
ประถมศึกษาปีที่1-6 โรงเรียนประสานมิตร
มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา
มัธยมศึกษาปีที่ 1-3 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศรังสิต
จากนั้นสอบเทียบ ม.6 ได้จากข้อสอบของอเมริกา โรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์
ปัจจุบัน ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

ผลงาน

ละครโทรทัศน์

สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

ปีเรื่องบทบาท
2555บ่วงบัวสวรรค์ / พัชนี
2556แผนร้ายพ่ายรักเนตรนิภา (เนตร)
คุณชายธราธรม.ล. วิไลรัมภา เทวพรหม (นางร้าย)
คุณชายปวรรุจ
คุณชายพุฒิภัทร
คุณชายรัชชานนท์
คุณชายรณพีร์
มาดามดันแพรรตี (แพตตี้)
2557ครีบนี้หัวใจมีเธอวารินทร์

ช่องวัน

ปีเรื่องบทบาท
2558เล่ห์รตีพัทธรินทร์ (เคท)
2559เพื่อเธออันธิกา อัศวเทพินทร์
เงาอโศกปิยะฉัตร อัทธญา (ปี๋)
City of Light : The O.C. Thailandซัมเมอร์

พีพีทีวี

ปีเรื่องบทบาท
2558เจ้าสาวของอานนท์สุชาดา สุทธากุล

จีเอ็มเอ็ม 25

ปีเรื่องบทบาท
2558Ugly Duckling รักนะเป็ดโง่
ตอน Boy's Paradise แผนรักชุลมุนจับคุณผู้ชายมาให้ฟิน
มิรัณนา (มามิ)

ภาพยนตร์

ภาพยนตร์
ปี พ.ศ.เรื่องรับบทเป็น
2557App Love สิ่งเล็กเล็กที่น่าร็อกแนน

ละครซิทคอม

ละครซิทคอม
ปี พ.ศ.เรื่องรับบทเป็น
2554หลวงตามหาชนทับทิม

พิธีกร

  • 2piece 2please

มิวสิกวิดีโอ

  • เพลง รักชนะทุกอย่าง ของ อัสนี           
  • เพลง พร้อมหรือยัง รอน AF5                   
  • เพลง เหงาเหมือนกันหรือเปล่า ต้อล AF4      

 โฆษณา

  • Eversense
  • Chupa Chups
  • กระดาษ IDEA WORK
  • Lactacyd Teens
  • วอลล์ คอนเนตโต้ สตรอเบอร์รี่
  • blink vite 150
  • 12 plus 
  • ภาพนิ่งโค้ก 
  • PAN ANTI COMEDONE 
  • เครื่องปรับอากาศ SHARP 
  • BIORE MAKEUP REMOVER 
  • แมคโดนัลด์ ฟุตบอลโลก 2014 ชุด บราซิลเลี่ยนชิคเก้นเบอร์เกอร์ 
  • กูลิโกะ ป๊อกกี้ ชุด Pocky(Always) 
  • HOOQ ร่วมกับ มาริโอ้ เมาเร่อ                                                                                                                                                                                                                                                                                                            เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ครอบครัวทำให้ชีวิตสมดุล
                             
      ใครเป็นแฟนละครเรื่องบ่วง คงจดจำความน่ารักใสซื่อของ พัชนี สาวน้อยสุดโก๊ะ ที่รับบทโดย   เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ได้ และอาจจะอยากรู้ว่าตัวจริงของเอสเธอร์เป็นอย่างไร ไปรู้จักเธอกัน
      ทำอะไรต้องมีสติ บทเรียนจากละคร เอสได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากการแสดงละครเรื่องบ่วง อย่างแรกก็น่าจะเป็นเรื่องการพูดให้ชัด โดยเฉพาะพวกตัวควบกล้ำ ทั้ง ร.เรือ และ ล.ลิง แล้วก็คำลงท้ายแปลกๆ ที่เอสไม่เคยชินอย่างพวก งั้นรึ เชียวรึ ซึ่งตอนเข้าฉากแรกๆ และต้องเล่นกับรุ่นใหญ่ๆ ก็ค่อนข้างกดดัน จึงต้องทำการบ้านมากขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อจะได้ไม่ไปเป็นตัวถ่วงเขา เราต้องรับผิดชอบส่วนของเราให้มากที่สุด แต่พี่ๆ ทุกคนจะน่ารักมากเลย เขาจะมาช่วยต่อบทก่อนเข้าฉากจริง แล้วก็จะสอนว่าอารมณ์ตรงนี้เขาจะส่งให้เราประมาณนี้นะ ทำให้เล่นได้ง่ายขึ้น อีกอย่างก็คือเอสกับพัชนีจะเป็นคนโก๊ะคล้ายๆ กัน เพียงแต่เอสไม่โก๊ะเท่าพัชนี (หัวเราะ) เพราะพัชนีจะใสซื่อมาก ก็เลยไม่ยากเท่าไหร่ ดีใจที่คนดูชอบและชม รวมถึงยังทำให้เอสตระหนักว่า เวลาจะทำอะไรเราต้องมีสติ ต้องคิดให้รอบคอบว่าเราทำถูกต้องหรือเปล่า ไม่ใช่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ ด้วยความรู้สึก เพราะมันอาจจะส่งผลไม่ดีกับเราและคนรอบข้าง
       เรื่องเรียนสำคัญเท่ากับเรื่องงานถึงจะประสบความสำเร็จในการแสดง แต่เอสก็ยังให้ความสำคัญกับการเรียน และพยายามจัดคิวงานให้ตรงกับเวลาเรียนน้อยที่สุด อย่างช่วงถ่ายละครเรื่องบ่วง ซึ่งปิดกล้องไปตอนกุมภาพันธ์ เอสก็ย้ายตารางเรียนมาไว้วันจันทร์ อังคาร พุธ เพื่อไม่ให้ทับกับคิวถ่ายละครในวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แล้วถ้าวันไหนไม่ได้ไปเข้าคลาสก็จะบอกครู และให้เพื่อนช่วยจดงานแทน แล้วตามไปเก็บงาน ส่วนถ้าใกล้สอบก็จะต้องหาเวลาว่างอ่านหนังสือเป็นพิเศษ หรือนัดให้เพื่อนติวหนังสือให้ ผลการเรียนเทอม 2 ของปี 1 ที่ผ่านมาเลยได้เกรดสูงถึง 3.70 ดีกว่าเทอมแรกอีกค่ะ และเอสยังคิดไว้ว่าถ้าเรียนจบแล้วมีเวลาก็อาจจะเรียนต่อ หรือไม่ก็ทำงานให้เต็มที่แล้วกลับมาเรียน ซึ่งก็คงจะเรียนต่อเกี่ยวกับเรื่องการสื่อสารแบรนด์ให้ลึกมากขึ้น เผื่อไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วจะได้นำไปใช้ประกอบอาชีพอื่นๆ ได้
      ต้องรับผิดชอบและตรงต่อเวลา การทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำให้เรายุ่งกว่าเพื่อนๆ วัยเดียวกัน เพราะเพื่อนๆ ก็แค่เรียนอย่างเดียว แต่การได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเอส เพราะทำให้ต้องตระหนักในเรื่องความรับผิดชอบ ซึ่งสำคัญมาก คือเราต้องรับผิดชอบในตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้คนอื่นลำบาก แล้วก็เรื่องความตรงต่อเวลา เขานัดกี่โมงก็ต้องไปให้ตรงเวลา เพราะถ้าเราไปสายก็จะทำให้การทำงานล่าช้า แล้วเขาก็จะรอเราคนเดียว ฉะนั้นเอสก็คงจะอยู่ในวงการจนกว่าจะรู้สึกว่าพอกับมันแล้ว หรือเรามีความสนใจในด้านอื่นแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น แต่ตอนนี้ยังสนุกกับการทำงาน และตอนนี้ก็กำลังรอเปิดกล้องละครเรื่องใหม่อยู่ค่ะ
       อ่านหนังสือ ดูหนัง งานอดิเรก
ถ้าไม่มีงาน หรือไม่มีเรียน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่บ้าน อ่านหนังสือบ้าง หรือดูหนัง ดูการ์ตูนเป็นเพื่อนน้อง พวกเราจะชอบดูพาวเวอร์พัฟเกิร์ล เบนเท็น ส่วนหนังสือเอสจะชอบอ่านวรรณกรรมแปล เอสเคยติดนิยายเรื่องทไวไลท์ (Twilight Saga เขียนโดยสเตฟานี่ เมเยอร์) มาก อ่านทั้งเช้าและเย็น ดูหนังด้วย ชอบมาก ชอบพระเอก เขาดูมีเสน่ห์ เวลาอยู่กับนางเอก เขาเป็นผู้ชายที่น่ารักค่ะ อย่างภาคแรกดูได้ 10 กว่ารอบ แต่ภาคอื่นจะไม่ประทับใจเท่าภาคแรกก็ดูแค่รอบสองรอบ  
      มีคุณแม่เป็นฮีโร่ ถ้ามีเวลาว่างเอสก็จะนัดกินข้าวกับเพื่อนบ้าเพื่อพูดคุยกันตามประสา หรือบางทีก็ไปนั่งติวหนังสือกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วเอสจะอยู่กับคุณแม่ตลอด ติดคุณแม่มาก เหมือนคุณแม่เป็นเพื่อนอีกคน ชอบไปเที่ยวกับแม่ ไปไหนกับแม่ มันสบายใจมากกว่า เพราะคุยกับแม่ได้ทุกเรื่อง เหมือนแม่เป็นเพื่อนอีกคน คือเอสเป็นพี่คนโต มีน้องชายคนกลาง และน้องสาวคนเล็กอีกอย่างละหนึ่ง แต่น้องก็ยังเด็ก ต้องไปโรงเรียน ก็จะได้เจอแม่ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนและตอนเย็นหลังเลิกเรียน แต่เอสเรียนมหาวิทยาลัย อย่างช่วงนี้ซัมเมอร์ก็เรียนแค่ 2 วัน เอสก็เลยยึดคุณแม่ จะสนิทกับคุณแม่ตั้งแต่เด็กๆ เพราะเอสเป็นลูกคนแรก แม่ก็จะพาไปนู่น พาไปนี่ตลอด เลยติดมาถึงตอนนี้ เวลานัดเพื่อนแม่ก็ไปส่ง บางทีก็นั่งรอ เพื่อนก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า แม่หน้าเด็กมาก หรือทำไมแม่น่ารักจัง ที่สำคัญแม่สอนอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต การทำงาน เรื่องเพื่อน การเจอผู้คน เรื่องผู้ชาย หรือเวลามีปัญหาอะไรที่แก้ด้วยตัวเองไม่ได้ ก็จะปรึกษาแม่ แม่ก็จะช่วยคิดว่าควรทำอย่างไร คุณแม่เป็นฮีโร่ของเอสจริงๆ ค่ะ  
      อาหาร ความอบอุ่นในครอบครัวถ้ามีเวลาว่างพร้อมๆ กัน พ่อก็จะพาไปกินข้าว กินเสร็จก็ไปเดินซื้อของเข้าบ้าน แต่ส่วนใหญ่เราจะกินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เอสชอบมาก เพราะเหมือนเราได้ทำอะไรด้วยกัน ได้นั่งบนโต๊ะเดียวกัน ได้คุยกันกับคนในครอบครัว เป็นโอกาสดีที่ทุกคนในครอบครัวได้เจอหน้ากัน ได้พูดคุยกัน อย่างน้องๆ ก็จะเล่าเรื่องที่ไปพบเจอที่โรงเรียนให้ฟังว่าเป็นอย่างไร ก็ได้คุยกัน หัวเราะคิกคักมีความสุข นอกจากนี้ยังทำให้เราได้รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ สะอาด และดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะเลือกวัตถุดิบที่สดๆ มาทำ
     อีกอย่างเอสรู้สึกว่าการทำอาหารรับประทานเองที่บ้านยังทำให้เราได้ทำอะไรด้วยกัน อย่างเอสเองจะเป็นคนไม่ทำอาหาร แต่จะชอบทำขนม พวกแพนเค้ก บราวนี่ บัตเตอร์เค้ก เพราะพอได้กินแล้วอร่อย ก็เลยกระตือรือร้นอยากทำเป็น จึงไปขอสูตรจากคุณย่ามาหัดทำ แต่ตอนแรกๆ คุณแม่ก็จะช่วยสอนว่าต้องผสมอันโน้นอันนี้ก่อน ตอนนี้ทำได้แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะให้คุณแม่ช่วย เพราะถ้าทำเองจะใช้เวลานาน ซึ่งเอสมักจะทำในวันหยุด ตอนบ่ายๆ เพราะจะได้เป็นของว่างกินกับน้ำชาร่วมกับคุณพ่อคุณแม่และก็น้องๆ
      ส่วนคุณพ่อ ถ้ามีเวลาว่างก็จะทำอาหารเช้า พวกไข่ดาว หรือขนมปังประกบกับชีส คุณพ่อทอดไข่ดาวได้สวยมาก กลมเป๊ะเลย เป็นคนประณีตเรื่องอาหารเช้ามากๆ และเป็นคนที่ซีเรียสเรื่องสุขภาพ อย่างเอสกับน้องชายคนกลางจะโดนคุณพ่อบังคับให้กินผักตั้งแต่เด็กๆ แบบถ้าไม่กินก็จะไม่ให้ลุกจากโต๊ะ เราก็เลยกินผักกันได้ตั้งแต่เด็กๆ แต่ยกเว้นมะเขือเทศกับถั่วฝักยาวดิบๆ ที่เอสจะไม่กิน แต่น้องสาวคนเล็กคุณพ่อไม่ค่อยได้บังคับ น้องก็เลยไม่กินผัก แต่เวลากินข้าวด้วยกัน คุณพ่อก็จะขอให้น้องกินผักสักชิ้นสองก็ยังดี จะได้มีไฟเบอร์เข้าสู่ร่างกายบ้าง หรือบางทีพ่อไปอ่านเจอว่ากินอะไรแล้วดี คุณพ่อก็จะเอามาให้พวกเรากิน อย่างเช่นอ่านเจอว่ากินเห็ดแล้วดี อาหารเย็นทุกมื้อก็จะมีเห็ดเต็มเลย จนคุณแม่ถามว่าไปอ่านอะไรเจอมาใช่ไหมว่ากินเห็ดมีประโยชน์ แต่เอสเป็นคนไม่ชอบกินเห็ดค่ะ ก็จะกินแค่คำสองคำแล้วก็ไม่เอาแล้ว (หัวเราะ) แต่จริงๆ แล้วเอสชอบ มันเป็นความสุขในครอบครัวที่ทำให้ชีวิตของเอสมีความสมดุล